EYESMYTH SESSION IX - วไลทิพ ส่งเสริมสวัสดิ์
สำหรับคนสวมแว่นตา บางครั้ง ‘แว่นตา’ ก็เปรียบเสมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 ของเรา แว่นตาคือส่วนที่ทำให้มองเห็นสิ่งอยู่ตรงหน้าชัดเจนขึ้น เป็นสิ่งสะท้อนตัวตนให้คนอื่นจดจำได้ว่า ‘เราคือใคร’
และคนที่อยู่กับเราในวันนี้ ก็เป็นอีกคนที่ใช้แว่นตาในชีวิตประจำวัน ทุกครั้งที่ได้พบกัน เราจะสัมผัสได้ถึงสเน่ห์เฉพาะตัว ความน่ารักสดใส และรอยยิ้มเขินที่เจ้าตัวคอยส่งมาให้เสมอ
คุณออย - วไลทิพ ส่งเสริมสวัสดิ์ ทายาทนิตยสารสาระบันเทิง “กุลสตรี” ที่ผันตัวมาทำงานที่รักอย่างอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
ท่ามกลางแดดร้อนในเดือนกลางปี เรานัดคุณออยที่ร้าน Blue Dye Café ซอยสุขุมวิท 36 เพื่อพูดคุยในโปรเจกต์ EYESMYTH SESSION IX บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง EYESMYTH และลูกค้าคนสำคัญอย่างเธอ
ร้านคาเฟ่แสนอบอุ่น ถูกเติมเต็มด้วยความสดใสขึ้นมาทันที เมื่อเราชวนเธอพูดคุยถึงเรื่องราวที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้การทำงานในอาชีพที่ใครต่อใครเรียกว่า ‘นางฟ้า’
EYESMYTH : ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับร้าน EYESMYTH เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่
คุณออย : ประมาณ 7-8 ปีที่แล้วค่ะ ตอนนั้นออยตั้งใจเปลี่ยนแว่นพอดี ก็เลยไปสยามกับคุณแม่ แล้วก็เจอร้านนี้ที่ลิโดชั้น 2 เข้าไปเจอพี่จำปูน (เจ้าของร้าน) เขาก็แนะนำแว่นตาที่เหมาะสมกับเรา ออยลองแล้วชอบมาก แถมในร้านมีแต่แว่นที่ไม่เหมือนใคร สุดท้ายก็เลยซื้อมาใส่จนถึงวันนี้
ออยชอบแบรนด์ Garrett Leight ค่ะ เพราะใส่แล้วเข้ากับโครงหน้า ดีไซน์มีความเฉพาะตัว เบาสบาย ตัวแรกที่ซื้อเป็นสีไม้ค่ะ แม้จะดูภายนอกเป็นสีน้ำตาลไม้ธรรมดา แต่มองลึกๆ แล้วมันไม่เหมือนสีแว่นตาทั่วไป หลังจากนั้นออยก็ซื้อแต่แบรนด์นี้หมดเลย ตอนนี้มี 3 อันแล้ว มีรุ่นที่เป็นแว่นตากันแดดเฉยๆ ด้วย
แว่นตา Garrett Leight ทั้ง 3 ชิ้น แบรนด์ที่มัดใจคุณออย วไลทิพ
EYESMYTH : คุณเกิดในครอบครัวนิตยสาร “กุลสตรี” พอออกมาทำงานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ที่บ้านว่ายังไงบ้าง
คุณออย : ที่บ้านก็สนับสนุนนะ ไม่ได้ว่าอะไร เพราะตอนจบมาแรกๆ ออยก็ช่วยงานที่บ้าน 1 ปี แต่เราไม่ชอบนั่งออฟฟิศ ไม่ชอบนั่งโต๊ะ ไม่ชอบนั่งอยู่กับที่ ก็เลยติดสินใจทำงานอื่นดีกว่า ยังเคยพูดกับเพื่อนตั้งแต่มหาวิทยาลัยเลยว่า “อยากสมัครแอร์โฮสเตสจัง” บังเอิญว่าปีนั้นเขาเปิดรับสมัครพอดี ก็เลยสมัคร ปรากฏว่าติด ออยก็เลยทำงานเป็นแอร์ฯ ตั้งแต่นั้น ถึงตอนนี้ก็ 3 ปีแล้ว
EYESMYTH : พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมีกฎระเบียบว่าห้ามใส่แว่น แล้วคนที่ใส่แว่นเป็นประจำอย่างคุณปรับตัวยังไงบ้าง
คุณออย : ใช่ค่ะ เป็นกฎระเบียบห้ามเลย เหมือนเขามองเป็นภาพลักษณ์ของสายการบิน รวมถึงเวลาให้บริการที่พอก้มลงอาจทำให้แว่นตกได้ เป็นอุปสรรคในการบริการ และอาจเป็นอันตรายแก่ผู้โดยสารได้ แต่ออยก็เคยได้ยินมาว่า สายการบินต่างประเทศบางสายก็อนุญาตให้ใส่แว่นตานะ เพราะพวกเขาจะบินนานกว่าปกติแบบ 10 ชั่วโมงขึ้นไป ถ้าใส่คอนแทคเลนส์อย่างเดียวอาจทำตาแห้ง เขาก็เลยอนุญาตให้ใส่แว่นตาได้
ตอนแรกออยไม่ชินเลยเพราะไม่เคยใส่คอนแทคเลนส์ ตาแห้งมาก แถมยังเคยใส่ผิดด้านด้วยนะ รู้ตัวอีกทีก็ตอนอยู่สนามบินแล้ว สุดท้ายต้องถอดทิ้งตรงนั้น
แรกๆ ออยก็คิดถึงแว่นเหมือนกันนะคะ เพราะการใส่แว่นตามันสะดวกสบายกับสายตาเรามากกว่า แต่นานวันเข้าก็เริ่มชิน ตอนนี้กลับบ้านมาก็ค่อยถอดคอนแทคเลนส์ออก แล้วพอใส่แว่นตาก็รู้สึกสบายตาและสบายใจขึ้นมาทันที (ยิ้ม)
EYESMYTH : พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆ คน ออยเห็นด้วยไหม
คุณออย : ออยว่าเหมือนเป็นอาชีพในฝันสำหรับคนชอบเที่ยวค่ะ หลายคนคิดว่าพอเครื่องลงจอดก็ออกไปเที่ยวต่อได้เลย
EYESMYTH : แล้วชีวิตจริงเป็นแบบนั้นไหม
คุณออย : ในความเป็นจริง เหนื่อยมากเลยค่ะ ขนาดออยไม่ได้บินข้าม Time Zone ไกลๆ ยังเหนื่อยเลย แต่หลายๆ คนเขาคงมีพลังมาก บินเสร็จแล้วเที่ยวต่อ พออีกวันมาก็บินกลับเลย แต่สำหรับออยแค่บินในประเทศก็เหนื่อยแล้ว (หัวเราะ)
EYESMYTH : ภายใต้อาชีพที่ใครๆ มองว่าเป็น “นางฟ้า” มีอะไรซ่อนอยู่บ้าง
คุณออย : การเป็นแอร์ฯ คือเราได้เป็นหลายอาชีพมากเลยนะ ได้เป็นทั้งนักดับเพลิงที่จะต้องเรียนรู้วิธีการดับไฟแต่ละชนิดที่ไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าโทรศัพท์ไหม้บนเครื่องบิน เราจะไม่ใช้ถังดับเพลิง แต่จะใช้น้ำดับ
ได้เป็นทั้งหมอและพยาบาล ต้องรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น เวลามีคนเป็นลมต้องดูอาการเบื้องต้นก่อนว่าเขายังหายใจอยู่ไหม หน้าตาเขาตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็ต้องหาวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง
ได้เป็นทั้งนักพูด นักเจรจา เวลาเจอผู้โดยสารมีปัญหาก็ต้องเข้าไปไกล่เกลี่ย
เราต้องรู้วิธีป้องกันตัวเอง และรู้วิธีการจัดการผู้โดยสารด้วย ถ้าจำเป็นต้องจับมัดผู้โดยสาร ก็ต้องรู้วิธีมัดยังไงไม่ให้ผู้โดยสารบาดเจ็บ เพื่อป้องกันไม่ให้เขามาฟ้องเราภายหลัง เรียกว่าเป็นอาชีพที่มากกว่านางฟ้าอีกค่ะ
EYESMYTH : เคยเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินบนเครื่องบินไหม
คุณออย : เคยเจอครั้งหนึ่งตอนออยเพิ่งเริ่มทำงานค่ะ ตอนนั้นเครื่องบินกำลังจะลงจอด ทุกคนต้องนั่งประจำที่กันแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีผู้โดยสารกดเรียก หน้าที่ออยคือเดินเข้าไปดูว่าเขากดเรียกทำไม
ปรากฏว่ามีผู้โดยสารต่างชาติกำลังจะเป็นลม หายใจไม่ออก หน้าเริ่มเขียวแล้ว โชคดีที่พี่แอร์อีกคนมีประสบการณ์การบินมาก่อน เขาก็เลยช่วยหยิบถังออกซิเจน แล้วเราก็ประกาศหาหมอบนเครื่องบิน โชคดีมากๆ ที่บนเครื่องมีหมอพอดี เราก็เลยให้คุณหมอนั่งข้างๆ คอยดูอาการผู้โดยสารจนกระทั่งล้อแตะพื้น
เชื่อไหมว่าทุกเที่ยวบินจะต้องเจอหมอ พยาบาล หรือไม่ก็อาสาสมัครที่มีใบอนุญาตเกี่ยวกับการปฐมพยาบาล เราต้องถามเขาก่อนว่ามีใบอนุญาตไหม ถ้ามีก็จะให้เขาช่วยรักษา แต่ถ้าไม่มี เราก็ต้องดูแลผู้โดยสารเองค่ะ
แว่นตา เครื่องนับจำนวนผู้โดยสาร และหนังสือเดินทาง สามสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของเธอ
EYESMYTH : คนที่มีหัวใจบริการ ต้องมีสายตาแบบไหน
คุณออย : เป็นคนทุ่มเทให้กับการทำงานบริการจริงๆ เอาใจใส่ คอยสังเกตคนอื่นอยู่เสมอว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม อยากได้อะไรหรือเปล่า โดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากขอจากเราก่อน
EYESMYTH : เมื่อไม่มีโอกาสใช้แว่นตาตอนทำงาน การเลือกซื้อแว่นดีๆ สักอัน ยังสำคัญอยู่ไหม และสำคัญอย่างไรในสายตาคุณ
คุณออย : สำคัญนะคะ เพราะมันช่วยเสริมและสะท้อนบุคลิกของเรา ทำให้เรามีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน
อย่างเวลาออยทำงานเขาห้ามใส่แว่น ก็จะต้องอยู่ในชุดยูนิฟอร์มที่เหมือนๆ กัน พอเลิกงานเราก็กลับมาใส่แว่นปกติ เพื่อนๆ ทุกคนก็จะบอกว่าหน้าตาเราเปลี่ยนไป และก็ได้เห็นบุคลิกที่แท้จริงของเรา
เช่นเดียวกัน เวลาออยเห็นคนอื่นใส่แว่น เราก็จะรู้ว่าเขามีบุคลิกหรือรสนิยมยังไง ถ้าเขาใส่แว่นตาดีๆ ก็จะทำให้เรารู้ว่า เขาเป็นคนละเอียดในการเลือกใช้ของสักชิ้นหนึ่งนะ เพราะการซื้อแว่นตาเหมือนเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เราต้องใช้มันทุกวัน คงไม่ได้เปลี่ยนแว่นกันบ่อยๆ หรอกเนอะ (ยิ้ม)
ทศพล เหลืองศุภภรณ์ - Team Head
สหธร เพชรวิโรจน์ชัย - Interviewer
รณกร เจริญกิตติวุฒ - Photographer
ธนาภิวัฒน์ ปิยวัจน์เดชา - Video & Editor
ขอบคุณสถานที่ Blue Dye Café ซอยสุขุมวิท 36